ปิดตำนาน ร้านกาแฟ ‘iberry Garden’ ของ ‘โน้ต อุดม’ หลังดำเนินกิจการมานานกว่า 13 ปี เนื่องจากทนรับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โน้ตอุดมปิดร้านกาแฟ – หลังจากที่มีข่าวร้านกาแฟชื่อดังย่านเชียงใหม่อย่าง ‘iberry Garden’ ของหนุ่ม ‘โน้ต อุดม แต้พานิช’ เจ้าของเวที ‘เดี่ยว’ ได้ประกาศปิดกิจการหลังจากที่ดำเนินกิจการมานานกว่า 13 ปี เนื่องจากทนรับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ไหว
ล่าสุด (8 มิ.ย.) ทางหนุ่มโน้ตได้ออกมาโพสต์ข้อความ
เล่าจุดเริ่มต้นในการทำร้าน iberry ผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘เดี่ยว‘ พร้อมเผย ทางร้านต้องจำใจปิดตู้ ปิดเตา เก็บกระเป๋า และแยกย้ายไปตามทาง โดยระบุว่า “ผมมีโอกาสไปเชียงใหม่ครั้งแรกประมาณปี 2545 เกิดความหลงใหลเสน่ห์ของเชียงใหม่ เหมือนกับตกหลุมรัก ทำไมถึงเป็นจังหวัดที่น่ารักอย่างนี้ พยายามไปบ่อยขึ้น ยิ่งไปซ้ำ ก็ยิ่งรู้สึกตกหลุมลึกไปเรื่อยๆ จนถอนตัวไม่ขึ้น…อยากไปอยู่ที่นั่น
ผมชอบเชียงใหม่เพราะที่นี่มีธรรมชาติอยู่ใกล้ตัว ดอยสุเทพห่างจากเมืองแค่ 15 นาที แม่น้ำปิงถัดไปอีก 10 นาที ขับรถออกไปหน่อยนึงก็ถึงแม่ริม บนนั้นมีน้ำตกด้วย แม่แตง แม่ออน ม่อนแจ่ม หรือถ้าอยากเจอธรรมชาติจริงๆ จังๆ ก็เชียงดาว จังหวัดนี้เขามีอากาศหนาว มีช่วงฤดูหนาว ถึงแม้บางปีไม่หนาว แต่ช่วงกลางคืนก็ยังมีอากาศเย็นสบาย
อาหารเหนือก็ถูกปากมาก เพราะผมชอบกินผักกินน้ำพริก อัธยาศัยของคน จังหวะการพูดของเขา สำเนียงภาษา ผมชอบเมโลดี้แบบนี้ สูงๆ ต่ำๆ ช้าๆ เนิบๆ ที่สำคัญสาวเหนืองดงามสบายตา เหมือนมีดอกไม้บานอยู่ทั่วเมือง ที่นี่มีมหา’ลัยอยู่ใกล้ ปัญญาชนและบรรดาศิลปินต่างๆ อยู่ในละแวกเดียวกัน มันเป็นเหมือนคอมมูนิตี้ของคนที่ชอบชีวิตแบบนี้ เหมือนเป็นซานฟรานฯ เวอร์ชั่นไทย ภูมิประเทศสูงๆ ต่ำๆ บรรยากาศมันถูกจริต
ผมลองไปอยู่ระยะสั้นๆ ชิมลางหนึ่งเดือนก่อน เช่าโรงแรมเชียงใหม่ ออร์คิด รถก็ไม่มี ใช้วิธีขึ้นรถแดงไปไหนมาไหนเอา หลังจากนั้นก็เริ่มสนิทกับพนักงานโรงแรม เข้าๆ ออกๆ เห็นหน้ากันจนเบื่อ เขาเลยให้ยืมมอเตอร์ไซค์ขี่ ไปแรดๆ รอบๆ เมือง ตามตรอกซอกซอย ได้เห็น unseen ที่น่าค้นหามากขึ้นเรื่อยๆ
พอกลับมากรุงเทพฯ ก็ไตร่ตรองดูว่าจะอยู่ได้จริงมั้ย กลับขึ้นไปอีกรอบหนึ่งอยู่นานกว่าเดิม ครั้งนี้ไปเช่าหอพักชื่อ ธีรพร แมนชั่น อยู่ในซอยวัดอุโมงค์ ที่นี้เอารถจิ๊ปขึ้นไปด้วย ไปสำรวจภูมิประเทศโดยรอบ ขึ้นดอย ลงดอย ก็มีความมั่นใจว่า อยู่ได้…ต้องการจะมีบ้านที่นี่…คราวนี้ก็เป็นเรื่องของการหาทำเล
ตอนนั้นตอบตัวเองชัดเจนว่าอยู่นอกเมืองมากไม่ได้เพราะทำกับข้าวไม่เป็น ไม่มีแหมะก็ไม่มีอะไรกินแน่นอน งั้นก็ต้องอยู่ใกล้เมือง ใกล้ตลาด ใกล้กาดพะยอม ใกล้มหรสพอย่างเซ็นทรัลกาดสวนแก้ว
มีโรงหนัง ใกล้สนามฟุตบอล มช. ไปขอเตะบอลกับเขาได้ ใกล้กาดเชิงดอย ใกล้ มช. สาวๆ เยอะดี ใกล้วอร์มอัพ ไปแรดแล้วปั่นจักรยานกลับบ้านได้ เผอิญไปเจอที่ดินตาบอดแถวนั้น เป็นที่ทิ้งขยะของหมู่บ้านนันทวัน ก็เลยไปขอซื้อเขาแล้วสร้างบ้านหลังเล็กๆ ขึ้นมาหลังหนึ่ง
ชีวิตที่อยู่ที่นั่นเป็นชีวิตช้าๆ ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน วันๆ เที่ยวธรรมชาติ เยี่ยมบ้านศิลปิน นั่งคาเฟ่ มีคาเฟ่ขวัญใจนักศึกษาที่ผมชอบไปคือร้านสวนนม เจ้าของเป็นอาจารย์สอนวิชาเซรามิกใน มช. คนก็ไปนั่งกินขนมปังจิ้มนมในถ้วยเซรามิกที่เขาปั้น ในร้านก็จะมีน้องๆ นักศึกษาหน้าตาจิ้มลิ้มเป็นบรรยากาศ มันเป็นบรรยากาศในฝัน ตอนนั้นยังมีคาเฟ่ไม่ค่อยเยอะ ร้านกาแฟก็มีน้อยมาก สตาร์บั๊กส์ยังไม่มีเลย มีแต่ แบล็คแคนยอนต์กับกาแฟวาวี แต่ผมเป็นคนไม่กินกาแฟ ไปนั่งแล้วไม่รู้จะกินอะไร
ผมเป็นคนกินไอติม ชอบกินไอติม
เลยถามคนที่นั้นว่า ถ้าไปกินไอติมไปกินร้านไหน อ๋อ…ไอติมกดกระดิ่งอยู่นิมมานซอย 5 เป็นบ้านอยู่อาศัยธรรมดา ขายไอติมที่ทำเอง มีตู้เย็นตั้งอยู่ตู้เดียว พอกดกระดิ่งหน้าบ้าน เขาจะเดินออกมาขาย ในใจผมคิดว่ามันน่าจะมีร้านไอติมในนิมมานบ้าง เพราะกูหากินไอติมผลไม้ที่นี่ไม่ได้เลย นอกจากไอติมป่าตันที่เข็นขาย มันไม่มีจริงๆ นะ
ก็เลยเอาวะ กูรู้อาชีพกูแล้ว กูขายไอติมดีกว่า กูจะขายไอติมที่เชียงใหม่นี่แหละ มาอยู่แล้วมีอะไรทำ ไม่ใช่ลอยชายไปวันๆ เปิดร้านไอติมแล้วกัน พอมีงานค่อยลงไปกรุงเทพฯ
พอคิดได้ว่าจะทำร้านไอติม ตัวผมชอบกินไอติมไอเบอร์รี่อยู่แล้ว เลยจะไปขอซื้อแฟรนไชส์ ตอนนั้นคุณปลาที่ยังไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวก็ปฏิเสธอย่างนุ่มนวลว่า ไม่มีนโยบายขายแฟรนไชส์ให้กับคนนอกครอบครัว เขาอยากทำกันเอง เพื่อที่จะได้ควบคุมคุณภาพได้
ไม่ย่อท้อ ไม่ได้ไอเบอร์รี่ก็ไม่เป็นไร ยังคงมองหาทำเลตั้งร้าน ก็มีคนมานำเสนอให้เช่าทั้งพื้นที่ในห้าง ตึกแถวหัวมุมถนน ในโครงการนู้นนี้นั้น ที่คนเดินเยอะๆ แต่ผมก็มีคำตอบในหัวว่าถ้าผมมีร้านไอติมสักร้าน แล้วเป็นร้านที่เหมือนร้านอื่น อย่างนั้นไปนั่งร้านเขาดีกว่า จะมีร้านเหมือนกันเพิ่มไปทำไม
ผมจะทำร้านนี้ด้วยปัจจัยเดียวเท่านั้นคือจะเป็นร้านไอติมในสวน ถ้าไม่ใช่ ผมไม่ทำ
มีอยู่คืนหนึ่งขับรถหลงไปในนิมมานซอย 17 หรือชาวบ้านแถวนั้นเรียกว่าซอยสายน้ำผึ้ง ซึ่งตอนนั้นยังเป็นซอยที่มีแค่บ้านพักอาศัย แต่ก็มีร้านเหล้าต้นไม้รกครึ้ม ขึ้นป้ายที่ไม่ใช่ชื่อร้านว่า “เซ้ง”
ผมกับเพื่อนเลยลองเข้าไปนั่ง เพื่อนก็กินไป เราก็สำรวจรอบๆ มันเป็นร้านเหล้ากึ่งหมูกระทะต้นทุนต่ำ โต๊ะเก้าอี้เหมือนไปรับบริจาคมาจากวัดสวนแก้ว หรือมีอะไรในบ้านก็เอามาวางถมๆ ให้ดูว่าตกแต่งแล้ว แต่เรื่องนั้นไม่น่าแปลกใจเท่ากับการที่ในร้านนั้นมีศาลพระภูมิ ศาลเจ้าที่เต็มไปหมด มีจอมปลวก ปักธูป คล้องผ้าสามสี บรรยากาศไม่น่าเป็นที่กินเหล้าเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ เป็นตำหนักทรงจะเหมาะกว่า เดินเข้าไปแล้วให้ความรู้สึกไม่สบายใจคล้ายเข้าบ้านผีสิง
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> ดัมมี่ออนไลน์